ความโดดเดี่ยวและการมีความรัก ของ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์แห่งเวลส์ (ค.ศ. 1796–1817)

เจ้าชายเลโอโปลด์แห่งซัคเซิน-โคบูร์ก-ซาลเฟลด์ในฉลองพระองค์ทหารขณะทรงม้า (ต่อมาคือ พระเจ้าเลออปอลที่ 1 แห่งเบลเยียม) ภาพวาดในศตวรรษที่ 19

เรื่องราวการหลบหนีของเจ้าหญิงชาร์ลอตต์และการเสด็จกลับได้เป็นที่พูดถึงกันในเมือง เฮนรี โบร์กแฮม อดีตสมาชิกสภาและต่อมาคือประธานศาลสูงสุดจากพรรควิก ได้รายงานว่า "ทั้งหมดนี้ล้วนต่อต้านเจ้าชายโดยเฉพาะ" และแรงกดดันจากฝ่ายค้านได้เผยแพร่เรื่องราวของเจ้าหญิงผู้หลบหนีอย่างมาก[54] แม้ว่าจะทรงคืนดีกับพระธิดา แต่เจ้าชายผู้สำเร็จราชการยังคงมีพระบัญชาให้นำตัวพระธิดาไปยังบ้านเครนบูร์น ที่ซึ่งข้าราชบริพารที่รับใช้พระนางได้รับพระบัญชาให้คอยดูพระธิดาอย่าให้คาดสายตา แต่เจ้าหญิงก็ทรงลักลอบเขียนจดหมายไปให้กับพระปิตุลาที่ทรงสนิท คือ เจ้าชายออกัสตัส เฟรเดอริก ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ดยุกทรงตอบรับโดยทรงมีคำถามไปยัง ลอร์ดลิเวอร์พูล นายกรัฐมนตรีจากพรรคทอรี ในสภาขุนนาง พระองค์ทรงขอให้ปล่อยเจ้าหญิงชาร์ลอตต์เป็นอิสระ หรือไม่ก็อนุญาตให้พระนางสามารถเสด็จไปชายทะเลได้ตามที่แพทย์ประจำพระองค์ได้แนะนำพระนางในอดีต และตอนนี้เจ้าหญิงมีพระชนมายุ 18 พรรษาแล้ว หรือว่ารัฐบาลมีแผนจะแยกพระนางให้โดดเดี่ยว ลอร์ดลิเวอร์พูลพยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถาม[54] และดยุกทรงถูกพระเชษฐาเรียกพระองค์ไปที่ตำหนักคาร์ลตัน ทรงถูกตำหนิจากเจ้าชายผู้สำเร็จราชการ ซึ่งต่อมาเจ้าชายก็ไม่ทรงตรัสใด ๆ กับพระอนุชาองค์นี้อีก[55]

แม้ว่าพระนางจะทรงถูกโดดเดี่ยว แต่เจ้าหญิงชาร์ลอตตก็พบว่าพระชนม์ชีพของพระนางในเครนบูร์นนั้นน่าพอพระทัยอย่างประหลาดและทรงค่อย ๆ ปรับพระองค์ต่อสถานการณ์ได้อย่างช้า ๆ[56] ในปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1814 เจ้าชายผู้สำเร็จราชการได้เสด็จมาเยี่ยมเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ในช่วงการโดดเดี่ยวเจ้าหญิง และทรงแจ้งต่อพระธิดาว่าพระมารดาของพระนางจะเสด็จออกจากอังกฤษไปพักผ่อนที่ภาคพื้นทวีปเป็นเวลานาน ข่าวนี้ทำให้เจ้าหญิงชาร์ลอตต์เสียพระทัยมาก แต่พระนางก็ไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรเปลี่ยนความคิดพระมารดาของพระนางได้ และทรงเสียพระทัยต่อในการจากไปโดยไม่สนพระทัยของพระมารดา ทรงตรัสว่า "พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ว่านานเท่าใด หรือเหตุการณ์ใดที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่เราจะพบกันอีกครั้ง"[57] เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ไม่ได้ทรงพบกับพระมารดาอีกเลย[58] ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงได้รับอนุญาตให้เสด็จไปชายทะเลได้ พระนางทรงขอไปที่ไบรตันซึ่งเปี่ยมไปด้วยสีสัน แต่เจ้าชายผู้สำเร็จราชการทรงปฏิเสธโดยทรงส่งเจ้าหญิงไปที่เวย์มัธแทน[59] เมื่อรถม้าของเจ้าหญิงได้หยุดตามรายทาง ฝูงชนผู้เป็นมิตรได้รวมตัวกันเพื่อที่จะได้เห็นพระนาง ตามบันทึกของโฮล์มที่ว่า "การที่ทรงเป็นที่ชื่นชอบได้แสดงให้เห็นว่าประชาชนทั้งหลายคิดว่าพระนางจะทรงเป็นพระราชินีของพวกเขาในอนาคต"[60] เมื่อเสด็จถึงเวย์มัธ มีการประดับตัวอักษรด้วยคำว่า "เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงพระเจริญ ความหวังของยุโรปและความรุ่งโรจน์ของบริเตน"[61] เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงใช้เวลาสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ทรงซื้อผ้าไหมฝรั่งเศสที่ถูกลักลอบมาขาย และนับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนทรงเข้าคอร์สการสรงน้ำทะเลอุ่น[61] เจ้ายังคงหลงเสน่ห์ชายชาวปรัสเซียของพระนาง และทรงหวังอย่างเปล่าประโยชน์ว่า เขาจะประกาศต่อเจ้าชายผู้สำเร็จราชการว่าเขารักพระนาง และถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น พระนางทรงมีจดหมายไปถึงพระสหาย ทรงเขียนว่า พระนางจะ "เอาสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งต่อไป ที่ซึ่งเป็นผู้ชายอารมณ์ดีและมีสติที่ดี (Sic;ทรงเขียนว่า sence แทนที่จะเป็น sense ทรงตั้งใจสะกดผิด)...ผู้ชายคนนั้นคือ พี แห่ง เอส-ซี (เจ้าชายแห่งซัคเซิน-โคบูร์ก; Prince of Saxe-Coburg ซึ่งก็คือ เจ้าชายเลโอโปลด์)"[62] ในช่วงกลางเดือนธันวาคม เวลาไม่นานที่จะทรงเสด็จออกจาเวย์มัธ พระนางทรง "ตกพระทัยอย่างมาก" เมื่อทรงทราบว่าชายชาวปรัสเซียของพระนางได้สานสัมพันธ์ความรักกับคนอื่น[63] ในการพูดคุยกันเป็นเวลานานหลังงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำวันคริสต์มาส พระบิดาและพระธิดาได้ผิดใจกันอย่างมาก[56]

ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1815 เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงคำนึงถึงเจ้าชายเลโอโปลด์ (พระนางทรงเรียกเจ้าชายว่า "เลโอ") ในฐานะพระสวามี[64] พระบิดาของเจ้าหญิงทรงปฏิเสธที่จะยอมแพ้ ทรงยินยันให้เจ้าหญิงชาร์ลอตต์อภิเษกสมรสกับเจ้าชายแห่งออเรนจ์ แต่เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงเขียนว่า "ไม่ต้องเถียง ไม่ต้องขู่ ไม่มีอะไรมาโน้มน้าวให้ลูกแต่งงานกับคนดัตช์น่ารังเกียจคนนี้ได้หรอก"[65] ด้วยเหตุที่ต้องเผชิญกับกระแสการต่อต้านพระราชวงศ์ ในที่สุดเจ้าชายจอร์จทรงยอมละทิ้งแผนการเสกสมรสของพระธิดากับเจ้าชายแห่งออเรนจ์ ซึ่งต่อมาพระองค์ทรงหมั้นกับแกรนด์ดัชเชสแอนนา ปาฟลอฟนาแห่งรัสเซียในฤดูร้อนปีนั้นเอง[66] เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงติดต่อกับเจ้าชายเลโอโปลด์โดยผ่านคนกลางและทรงประจักษ์ว่าเจ้าชายทรงเป็นผู้ที่เปิดกว้าง แต่ด้วยจักรพรรดินโปเลียนพยายามสร้างวิกฤตในภาคพื้นทวีปอีกครั้งในสมัยร้อยวัน เจ้าชายเลโอโปลด์และทหารของพระองค์จึงต้องเข้าร่วมรบ[67] ในเดือนกรกฎาคม เวลาไม่นานก่อนที่จะเสด็จกลับไปเวย์มัธ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงขออย่างเป็นทางการต่อพระบิดาโดยทรงต้องการเสกสมรสกับเจ้าชายเลโอโปลด์ เจ้าชายผู้สำเร็จราชการทรงตอบว่าสถานการณ์ทางการเมืองบนภาคพื้นทวีปยังไม่แน่นอน พระองค์จึงไม่สามารถพิจารณาคำขอได้[68] เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงเสียพระทัย เจ้าชายเลโอโปลด์ไม่ได้เสด็จมาอังกฤษหลังจากสันติภาพได้รับการฟื้นฟูแล้ว แม้ว่าพระองค์ถูกส่งไปประจำการที่ปารีส ที่ซึ่งพระนางทรงเห็นว่าเป็นการเดินทางระยะสั้น ๆเหมือนจากเวย์มัธไปลอนดอน[69]

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1816 เจ้าชายผู้สำเร็จราชการได้เชิญพระธิดามายัง Royal Pavilion ในไบรตัน และพระนางทรงวิงวอนขอพระบิดาให้ประทานอนุญาตให้เสกสมรส เมื่อพระนางได้เสด็จกลับวินด์เซอร์ ทรงเขียนจดหมายถึงพระบิดาความว่า "ลูกจะไม่ลังเลอีกต่อไปที่จะประกาศว่าลูกมีใจเอนเอียงไปยังเจ้าชายแห่งโคบูร์ก พระบิดาวางพระทัยได้เลยว่า จะไม่มีการหมั้นใดในอดีตและปัจจุบันที่จะมั่นคงและเหนียวแน่นไปมากกว่าตัวลูกเอง"[70] เจ้าชายจอร์จทรงโอนอ่อนผ่อนตามและทรงเรียกเจ้าชายเลโอโปลด์มายังอังกฤษ ซึ่งเจ้าชายทรงอยู่ที่เบอร์ลินและกำลังเดินทางไปรัสเซีย[71] เจ้าชายเลโอโปลด์เสด็จถึงอังกฤษในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1816 และได้เสด็จไปยังไบรตันซึ่งทรงถูกสัมภาษณ์โดยเจ้าชายผู้สำเร็จราชการ หลังจากเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ได้ถูกเชิญมาและทรงร่วมเสวยพระกระยาหารกับเจ้าชายเลโอโปลด์และพระบิดา เจ้าหญิงทรงเขียนว่า

ฉันพบเสน่ห์ในตัวเขา และฉันนอนหลับอย่างมีความสุขที่สุด สุขมากกว่าใด ๆ ในชีวิตของฉันเสียอีก... ฉันมั่นใจในความโชคดีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างสรรค์และฉันได้สวดอ้อนวอนพระองค์ ฉันเชื่อว่าเจ้าหญิงองค์หนึ่ง ๆ ไม่เคยได้กำหนดชีวิต (หรือการแต่งงาน) ด้วยโอกาสแห่งความสุขเช่นนี้ ดังเช่นสามัญชนคนหนึ่งที่เหมือนกับคนอื่นๆ[72]

ภาพพระราชพิธีเสกสมรสของเจ้าหญิงชาร์ลอตต์กับเจ้าชายเลโอโปลด์ ภาพวาดขึ้นในปี ค.ศ. 1818

เจ้าชายผู้สำเร็จราชการทรงประทับใจเจ้าชายเลโอโปลด์มาก และทรงตรัสแก่พระธิดาว่า เจ้าชายเลโอโปลด์ "มีคุณสมบัติทุกประการที่ทำให้ผู้หญิงมีความสุข"[73] เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงถูกส่งกลับไปที่เครนบูร์นในวันที่ 2 มีนาคม โดยเจ้าชายเลโอโปลด์ยังทรงอยู่กับเจ้าชายผู้สำเร็จราชการ ในวันที่ 14 มีนาคม ได้มีการประกาศในสภาสามัญชนซึ่งมีการโห่ร้องแสดงความยินดีจากทั้งสองพรรคทึ่โล่งใจว่าละครชีวิตความรักของเจ้าหญิงจะได้สิ้นสุดลงเสียที[74] รัฐสภาได้ลงมติมอบเงินจำนวน 50,000 ปอนด์ต่อปีแก่เจ้าชายเลโอโปลด์ จัดซื้อบ้านแคลร์มอนท์สำหรับทั้งสองพระองค์ และอนุญาตให้ชำระเงินสำหรับการตกแต่งบ้านด้วยค่าใช้จ่ายเพียงคนเดียว[75] เนื่องจากความกลัวที่จะเกิดความล้มเหลวในการหมั้นเช่นเดียวกับกรณีของเจ้าชายแห่งออเรนจ์ เจ้าชายจอร์จทรงจำกัดการติดต่อกันระหว่างเจ้าหญิงชาร์ลอตต์กับเจ้าชายเลโอโปลด์ เมื่อเจ้าหญิงชาร์ลอตต์เสด็จกลับมายังไบรตัน พระองค์อนุญาตให้ทั้งคู่พบกันเพียงในเวลาพระกระยาหารค่ำและไม่ทรงให้ทั้งสองพระองค์อยู่กันตามลำพัง[76]

พระราชพิธีเสกสมรสได้ถูกกำหนดในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1816 ในวันเสกสมรส ฝูงชนขนาดใหญ่เต็มกรุงลอนดอน ผู้เข้าร่วมงานมีความยากลำบากในการเดินทาง ในเวลาสามทุ่มที่ห้องวาดภาพคริมสัน ณ ตำหนักคาร์ลตัน เจ้าชายเลโอโปลด์ทรงฉลองพระองค์ชุดนายพลอังกฤษเป็นครั้งแรก (เจ้าชายผู้สำเร็จราชการทรงฉลองพระองค์ชุดจอมพล) ทั้งสองพระองค์ได้เสกสมรสกัน เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงฉลองพระองค์ชุดเจ้าสาวราคา 10,000 ปอนด์ เรื่องร้ายเพียงอย่างเดียวในระหว่างพระราชพิธี เมื่อเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก เมื่อเจ้าชายเลโอโปลด์ผู้ยากจนได้สัญญาต่อพระนางว่าจะทรงยกทรัพย์สมบัติมีค่าของพระองค์ทั้งหมดแก่พระนาง[77]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจ้าหญิงชาร์ลอตต์แห่งเวลส์ (ค.ศ. 1796–1817) http://books.google.com/?id=TxqfYPZsWFYC http://books.google.com/books?id=v4krPhqFG8sC http://books.google.com/books?id=v4krPhqFG8sC&pg=P... http://books.google.com/books?id=vpfuc37LLEAC http://books.google.com/books?id=vpfuc37LLEAC&lpg=... //www.worldcat.org/oclc/2357829 http://www.nationalarchives.gov.uk/nra/searches/su... https://archive.org/details/charlotteleopold00jame https://archive.org/details/prinnysdaughterl0000ho... https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Prince...